"ศิลปะไม่มีถูกไม่มีผิด"
"คุณค่าของศิลปะอยู่ที่งานศิลปะ ความรู้สึกและทัศนคติของพวกเขา"
 
 
                หลักทางจิตวิทยากล่าวไว้ว่า กิจกรรมศิลปะทำให้เกิดการพัฒนาจินตนาการของมนุษย์ ก่อให้เกิดความอ่อนโยนทางอารมณ์ เกิดสุนทรียภาพและความประทับใจ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการใช้เทคนิคต่าง ๆ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดออกมาให้เป็นเรื่องราวผ่านรูปภาพได้อย่างไม่จำกัดรูปแบบ การสร้างงานศิลปะเป็นเสมือนการปลดล็อคตัวเองออกจากความไม่เป็นอิสระ เป็นสิ่งจรรโลงจิตใจให้มนุษย์ ดังนั้นศิลปะจึงไม่มีถูกหรือผิด แต่คุณค่าของศิลปะนั้นอยู่ที่ผลงาน ความรู้สึกและทัศนคติของพวกเขามากกว่า
                และอุปกรณ์ศิลปะคงเป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่ช่วยให้เหล่าศิลปินทุกคนสามารถนำเรื่องราวที่มีคุณค่า มาแสดงออกเป็นผลงานที่น่าชื่นชม และวันนี้เราจะมาพูดคุยอย่างถึงความน่าสนใจของแบรนด์อุปกรณ์ศิลปะระดับอาร์ตติสของไทย อย่าง "Renaissance" กันกับ "วี วีราภรณ์ ลี้ศิริวัฒนกุล" "Group Product Manager" บริษัท ดี.เอช.เอ. สยามวาลา จำกัด พร้อมนิยามของคำว่า "อาร์ตติส" ที่ไม่ใช่แค่ศิลปินวาดภาพ แต่คือทุกคน
 
 
 
 
แบรนด์คนไทยแต่ว่าคุณภาพสินค้าเราไม่ด้อยกว่าพวก inter brand ทั้งหลายเลย ดังนั้นตรงนี้มันก็เหมือนกันว่าแบรนด์ต้องเข้าไปอยู่ในใจของทุกคนให้ได้ แล้วก็ทำให้เขาเห็นได้จริง ๆ ว่าคุณภาพสินค้าที่เราเลือกมาไม่ใช่ว่าของถูกจะคุณภาพแย่เสมอไป ของเรามันเป็นสินค้าระดับอาร์ตติส มันใช้ได้สำหรับทุกคน มันก็เป็นความยากตรงนั้นที่เราต้องพยายาม”
 
 
กำเนิดแบรนด์ Renaissance
                “Master Art มันเกิดขึ้นก่อน และเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ คนรู้จักทุกคน ทีนี้เราพยายามจะสร้างสินค้าขึ้นมาที่เป็นระดับพรีเมี่ยมขึ้น คุณภาพดีขึ้น แต่ราคามันก็จะสูงตาม กลุ่มผู้ใช้มันก็จะเปลี่ยนไป อย่าง Master Art คนเห็นก็จะรู้เลยว่าขายให้เด็ก แต่ว่าสินค้าที่เราอยากจะทำมันจะสูงขึ้นไปอีกเป็นระดับคนที่เรียน Art ระดับที่จะเป็นศิลปิน Master Art แบรนด์เดิม มันไม่ได้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า หรือมันไม่ได้เข้ากัน มันก็เลยต้องสร้างอีกแบรนด์ขึ้นมา แต่ตอนที่เราออก Renaissance เรายังมีห้อย Master Art อยู่ เป็นตัวผลักดัน สินค้าแรก ๆ มันจะมี 2 แบรนด์ด้วยกัน "Renaissance by Master Art" อะไรอย่างนี้ สินค้าน่าจะเริ่มที่กลุ่มกระดาษก่อนทีนี้มันก็ติดตลาดเลย ทุกคน แฮปปี้ที่ได้ใช้ พอสินค้ามันเริ่มติดตลาด ก็จะเหลือเป็นแบรนด์ Renaissance อย่างเดียว”
                “สำหรับแบรนด์ Renaissance ในตลาดจะเรียกเป็น SCHOOL ART กับ FINE ART หรือเกรดนักเรียน (Student grade) กับ เกรดศิลปิน (Artist grade) จะมีการแบ่ง อย่างของเด็กเขาก็เรียกว่าเป็นเกรดเด็กเลย คุณภาพมันก็จะอีกแบบเหมาะสำหรับคนที่เริ่มวาดภาพ ไม่จำเป็นต้องเอา Pigment สีที่ดีมากมาใช้ ซึ่งมันก็จะเป็นการแบ่งเกรดคุณภาพของสินค้า อย่างเกรดอาร์ตติส คุณภาพก็จะดีขึ้น แต่ว่าราคาก็จะแพงขึ้นไปด้วย ความแตกต่างก็จะเป็นในเรื่องของคุณภาพและราคา ซึ่งของ Renaissance เป็นสินค้าอยู่ในระดับสูง คุณภาพระดับศิลปิน แต่ราคาจับต้องได้”
 
 
 
 
Concept ของแบรนด์ และความเกี่ยวข้องกับยุค Renaissance ทำไมต้องชื่อนี้
               “ยุค Renaissance เป็นยุคฟื้นฟูมากในแง่ของศิลปะ มีศิลปินเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย มีผลงานดัง ๆ เกิดขึ้นในยุคนี้จำนวนเยอะมาก แล้ว Renaissance มันแปลว่า การเกิดใหม่ ตัวแบรนด์ตรงนี้ทำขึ้นมาเพื่อสื่อถึงความสด ความใหม่ พลังของสินค้า Art ที่อิงกับยุคสมัยนั้น มันมีความกบฎ มีความสนุก เพื่อที่จะจับกลุ่มศิลปิน ดังนั้นแบรนด์ Renaissance จึงได้ถูกใช้เป็นชื่อนี้ เพื่อแสดงถึงพลัง ความยิ่งใหญ่ของศิลปะ ที่แบรนด์ของเราต้องการที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ ให้แก่ผู้ใช้ทุกคน”
                “Concept ของแบรนด์คือ "Weapons of Art" เรามองว่าอุปกรณ์ศิลป์ ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ มันเป็นเหมือนอาวุธที่จะอยู่ในมือของศิลปิน แล้วเป็นอาวุธที่ครบมือเลย มีทุกอย่างที่คุณอยากจะสร้างสรรค์ผลงานลงบนกระดาษ ลงบนงานศิลปะ ของเราไม่ว่าจะเป็นกระดาษหรือสมุด ตัวสี ดินสอ ทุกอย่างมีครบในกลุ่มของ Art เราก็เลยมองว่า เราเป็นความครบครันของสินค้าในคุณภาพที่ดี แล้วก็ราคาที่จับต้องได้ แต่ว่าหลัก ๆ เรามองถึงกลุ่มผู้ใช้ที่เราเรียกว่า "ART FOR ALL" คือเข้าหาได้ทุกกลุ่ม สมัยนี้ไม่ใช่ว่าคนที่จับงานอาร์ต ทำงานศิลปะเป็น ใช้พู่กันเป็น แต่จะเป็นคนทุกเพศทุกวัย ศิลปะมันเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยา มันเป็นงานอดิเรกของบางคน เพราะฉะนั้นกลุ่มตรงนี้มันเริ่มขยายกว้างมากขึ้น เราก็เลยจับคำว่า ART FOR ALL เป็นหนึ่งในคอนเซ็ปของเราด้วยที่ต้องการจะขยายไปถึงกลุ่มทุก ๆ คน ตอนน้้นเราเลยมีการทำ Rebrand สินค้าให้มันสดใหม่มากขึ้น โลโก้เปลี่ยนให้ทันสมัยขึ้น ให้อยู่บนโปรดักส์ คนเห็นแล้วคนอยากจะหยิบ อยากจะใช้ ถือแล้วภูมิใจที่ได้ถือสินค้า Renaissance”
 
 
แนวทางการเลือกหาอุปกรณ์ศิลปะใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
               “มันก็จะไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องทำ 1234 เราก็จะไปดูก่อนว่าอะไรกำลังมา และไปคุยกับคนใช้โดยตรงว่า ณ วันนี้ Renaissance ยังขาดอะไร ยังมีอะไรที่เราสามารถออกมาเพื่อตอบความต้องการของเขาได้บ้าง เราจะดูเทรนด์ของตลาดโลกว่าวันนี้สินค้าตัวไหนกำลังมา สินค้าตัวไหนที่ศิลปินรุ่นใหม่ ๆ ใช้ โดยก่อนออกสินค้าใหม่ๆ ก็จะต้องมีการทดสอบ การทดลอง ตรวจสอบคุณภาพ คุยกับศิลปิน คุยกับผู้ใช้จริงว่าสินค้าตัวนี้ขายออกมาจะขายใคร ขายยังไง แล้วก็ลักษณะวิธีการใช้ยังไง ต้องเข้าใจโปรดักส์ทุกอย่าง ถึงจะออกมาได้ แล้วเราก็จะปล่อยออกสู่ตลาด เราก็จะเห็นว่าผู้ที่ใช้จริง ๆ เขามีความสุข แล้วเขาก็รู้สึกดีที่ได้ใช้สินค้าเรา มันก็จะเป็นผลตอบรับเชิงบวกที่กลับมา”
 
 
สิ่งที่คิดว่าแบรนด์ Renaissance มีความโดนเด่นเหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ
               “ถ้าภาพรวมเลยเราคงภูมิใจกับมันในเรื่องคุณภาพ เพราะว่าสินค้าทุกตัวเป็นสินค้าที่ผ่านการเลือก ผ่านการพัฒนาจากทีมงานทุกคน มันเริ่มมาตั้งแต่ขั้นโรงงาน R&D ที่ช่วยกันพัฒนาสินค้า นั่งทดสอบคุณภาพกัน อย่างกระดาษเราก็นำเข้ามาจากอิตาลี เราก็เลือกโรงงานผลิตกระดาษที่ดีที่สุด เพื่อทำสินค้าออกมาให้แบรนด์เราเจ้าเดียว ให้ผู้ใช้ได้ใช้สินค้าคุณภาพดี
จริง ๆ แต่ว่าราคาถูก เราสินค้าเรา คุณภาพเราไปเทียบกับแบรนด์อื่นๆ มันจะไม่ได้คุณภาพนี้ คือคุณภาพสินค้าเราจะดีมาก ๆ ถ้าเทียบในราคาเดียวกัน”
 
 
 
 
ใช้ของเกรดอาร์ตติส แล้วจะทำให้ฝีมือดีขึ้นจริงหรือ?
               “สินค้าที่ดีเป็นส่วนหนึงที่จะช่วยส่งให้ผลงานที่เราทำออกมาดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับฝีมือด้วย มันต้องไปด้วยกัน คุณมีฝีมือดี แต่คุณใช้อุปกรณ์ศิลปะที่อาจจะเป็นเกรดที่ไม่ค่อยดีนัก มันก็เป็นไปได้ที่ผลงานของคุณออกมาไม่ดี อย่างเช่น ใช้สีที่มันตุ่นมาก ๆ ใช้กระดาษที่ไม่ดีเลย เราระบายลงไปแล้วมันเป็นขุย หรือบวมน้ำ มันทำให้สีกระจายตัวไม่ดี แทนที่เราจะทำผลงานออกมาได้เต็มร้อย แต่พออุปกรณ์ศิลปะที่มันไม่ดี มันก็อาจจะทำให้งานนั้น ๆ เหลือแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ เพราะฉะนั้นอุปกรณ์มันก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานออกมาสวย หรือออกมาดั่งใจเรา ถ้าเราซื้อสีเกรดอาร์ตติสมาถามว่างานเราจะสวยขึ้นเยอะมากไหม มันก็ต้องประกอบไปด้วย 2 อย่าง แต่ถ้าสีมันดีมันก็มีผล ทำให้ผลงานของคุณดีขึ้น”
 
 
เทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ผลงาน จะทำให้ความเป็น original ของความเป็นศิลปะ หายไปหรือไม่?
               “ในมุมพี่ พี่ว่าไม่หาย เพราะว่าการวาดภาพโดยใช้เทคโนโลยี เรียกว่าเป็นงานกราฟฟิค ส่วนตัวมองว่ามันเป็นงานคนละแบบกัน มันเป็นงานให้ความรู้สึกของภาพที่ออกมา ความละเอียดภาพที่ออกมามันคนละแบบกันกับการใช้สีปกติเลย อย่างการใช้สีมันจะเห็นถึงเนื้อสี เห็นถึงความละเอียดของชิ้นงาน และที่สำคัญคือ คนที่ใช้มันจะได้ความรู้สึกในการใช้สีแต่ละสี ซึ่งถ้าเราทำผ่านคอมพิวเตอร์ ทำผ่านเทคโนโลยี มันก็คือผ่านปากกา 1 ด้าม ผ่านการคลิกเม้าท์หลาย ๆ ครั้ง แต่ว่ามันจะไม่ได้รับความรู้สึกของการฝนดินสอลงไปบนกระดาษ จะไม่ได้เรื่องของการปาดสีน้ำมันลงไปบนผ้าใบหรือแคนวาส ไม่ได้เห็น
ฟีลลิ่งของน้ำมันรุกรานอยู่บนกระดาษ ลงสีนั้น ผสมสีนี้ ต้องการความอ่อน ความเข้ม มันเกิดจากมือเรา ที่เราลงน้ำหนักเอง ใช้สีลงไปเองอ่ะค่ะ เพราะฉะนั้นพี่คิดว่าตรงนี้มันแทนไม่ได้”
 
 
 
 
ด้วย ซึ่งมันไม่ใช่คนที่เป็นอาร์ตติสอย่างเดียว เป็นทุก ๆ คน คนทั่วไป เพราะฉะนั้นถ้าคนกลุ่มนั้นเข้าใจผลงาน หรือว่าเขาเสพผลงานแล้วเขามีความสุข นั่นแสดงว่าศิลปินสามารถสื่อสารกับเขาได้ และไม่จำเป็นว่าคน ๆ นั้น จะต้องเป็นศิลปิน เราไป Gallery เราอ่านหนังสือ เราไปดูงานถ่ายภาพ นั่นคือผลงานศิลปะทั้งนั้น เราเองยังเข้าใจทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นศิลปินเลยด้วยซ้ำ”
 
 
เรียกตัวเองว่าเป็นแบรนด์ที่เข้าใจศาสตร์แห่งศิลปะได้ถ่องแท้เลยไหม?
                “เรียกได้นะ แต่ละชิ้นงานหรือว่าแต่ละโปรดักส์ที่มันออกมา ถ้าเราไม่เข้าใจมันก็ไม่สามารถออกมาได้เพราะกว่าสินค้าแบรนด์เราจะออกมาแต่ละตัว จะต้องผ่านการทดสอบ ทดลองใช้ เข้าใจวิธีการใช้มัน เข้าใจกลุ่มผู้ใช้ เข้าใจในทุก ๆ ส่วนก่อนที่ขายเข้าไปสู่ตลาด ดังนั้นถ้าพูดในแง่ของศิลปะเราขายสินค้าศิลปะ ดังนั้นแบรนด์ต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ สินค้าเราทุกตัวคนที่ได้ลองก็จะหลงรัก สินค้าเราทำให้การสร้างผลงานศิลปะเป็นไปได้อย่างใจ”
 
 
ในฐานะผู้ดูภาพรวมต่าง ๆ ของแบรนด์ที่เกี่ยวกับศิลปะ คิดว่าศิลปะให้อะไรกับสังคม คุณค่าของศิลปะอยู่ที่อะไร
                “ศิลปะไม่มีไม่ได้ จริง ๆ ทุกอย่างที่เรามองไปมันคือศิลปะ อย่าไปยึดว่าศิลปะคือสีน้ำ คือสีน้ำมัน รอบตัวเราคือศิลปะหมดเลย เวลาเราเดินไปสยาม ป้ายโฆษณา ตึกที่ตกแต่งที่ดีไซน์ออกมา ทุกอย่างที่เราเห็นนั่นคือศิลปะ ถ้าไม่มีศิลปะ พวกนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น ขาวก็ยังเป็นขาวเหมือนเดิม ตึกก็จะเป็นสี่เหลี่ยมถ้าเรามองแค่นั้น จริง ๆ ศิลปะมันอยู่รอบตัว เราเกิดมาเราก็เจอมันแล้ว ดังนั้นเราไม่มีทางขาดศิลปะไปได้ มันทำให้ชีวิตไม่มีความสีสัน เห็นความคิดสร้างสรรค์ของผู้คน แต่ถ้าพูดถึงศิลปะที่เป็นงานอาร์ต มันคือการเยียวยาคนในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้คนผ่อนคลาย มีความสุข ถ้าพูดในแง่ของการใช้งาน พี่ว่ามันสร้างความสุขตรงนั้น"
 
 
ถ้าให้เลือกอุปกรณ์จากเรนาซองซ์ติดตัวไว้ 1 จะเลือกอะไร เพราะอะไร?
               “ขอเลือกสมุด Drawing Pad ละกัน ปกสีเขียว เพราะว่าพี่ก็จะวาดรูปบ้าง สมุดเล่มนี้มันทำได้หลายอย่าง สมุดเล่มนี้จะหยิบมาใช้วาดภาพ Sketch ก็ได้ ระบายสี หรือจะเขียนก็ได้ มันเป็นสมุดที่เราสามารถใช้ได้ครบดี แล้วก็กระดาษก็ดีด้วย ฉีกได้ง่าย เก็บพกพาได้ง่าย”